ออกตัวก่อนนะคะว่า บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โต้แย้งได้ ไม่เห็นด้วยได้ แต่อยากให้อ่านกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจ้า

กรณีดาราดัง “ฟ่านปิงปิง” ถูกทางการจีนจับกุม ข้อหาพัวพันการเลี่ยงภาษี ซึ่งเธอเป็นนักแสดงค่าตัวแพงที่สุดของจีน 4 ปีติดต่อกัน โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า สัญญาหยินหยาง แยกสัญญาออกเป็น 2 ฉบับ (หรือมากกว่า) แต่ส่งเพียงแค่ฉบับที่มีรายได้ต่ำให้กับทางการ เพื่อไม่ให้ละเมิดข้อให้ทางการมีราคาต่ำ เพื่อให้เสียภาษีน้อยกว่าความเป็นจริง

สาเหตุนี้อาจจะมาจากการที่ทางการจีนได้ออกกฎให้บรรดาผู้สร้างซีรีส์สามารถจ่ายเงินให้กับนักแสดงได้ไม่เกิน 40% ของทุนสร้างเท่านั้น และ 70% ในกรณีของการสร้างหนัง จึงทำให้มีช่องทางเลี่ยงภาษีแบบนี้

ซึ่งเรื่องนี้เราก็ต้องติดตามกันต่อว่ามันจริงหรือไม่ และสุดท้ายแล้วชีวิตของฟ่านปิงปิงจะเป็นอย่างไรต่อไป..

อ่านเพิมเติมได้ที่
https://www.posttoday.com/world/563609
https://marriedbiography.com/yin-yang-contracts-chinese-ag…/
https://mgronline.com/entertainment/detail/9610000090466

ถ้าวิธีการนี้อยู่ในบ้านเรา อาจถูกเรียกว่า “กระจายรายได้” แทน โดยหาคนอื่นที่มารับเงินแทนผู้มีรายได้ เพื่อให้สามารถกระจายฐานภาษีได้มากขึ้น เสียภาษีน้อยลง โดยแบ่งย่อยเงินไปตามจำนวนคนแทน

สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครเคยเตือนไว้ นั่นคือ การกระจายรายได้แบบนี้คือการทำผิดกฎหมาย และถ้าถูกจับได้ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน

จริงๆแล้ว สิ่งที่น่ากลัวกว่าการไม่รู้ภาษี คือ การไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดกฎหมาย และคิดว่าวิธีการที่ใช้นั้นมันถูกต้อง

กลับมาที่ประเด็นที่ตั้งไว้ ทำไมคนดังถึงชอบเลี่ยงภาษี หรือเราถึงเห็นคนรวยส่วนใหญ่มักจะมีข่าวเลี่ยงภาษีอยู่บ่อยๆ

แต่จริงๆแล้ว คำตอบของคนทุกคนอาจจะเป็นคำตอบเดียวกัน นั่นคือ เราไม่อยากเสียภาษี แต่ในกรณีของคนรวยนั้นมี “โอกาส” ที่ใช้ช่องทางต่างๆในการเลี่ยงภาษีมากกว่า ด้วย “อำนาจ” ต่อรองที่มีมากกว่า หรือแม้แต่วิธีการที่ไม่ผิดกฎหมายจากการได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย

สิ่งทีต้องระวังสำหรับกรณีนี้คือ เมื่อไรที่ถูกจับได้ เมื่อนั้นชีวิตเราก็ไม่ได้ไปต่อ เพราะการเป็นคนดังและคนรวยนั้น ต่อให้มีโอกาส อำนาจ และวิธีการให้เลือกใช้มากกว่า แต่เมื่อไรก็ตามที่มันย้อนกลับมา การทำลายล้างของมันย่อมรุนแรงกว่าหลายเท่า

บางทีแล้ว การที่เราไม่เห็นคนที่มีรายได้น้อยเลี่ยงภาษี ไม่มีข่าวเรื่องการโกงภาษี อาจจะไม่ได้แปลว่าเขาไม่โกง เพียงแต่เขาขาดโอกาส อำนาจและวิธีการตามที่ว่ามาหรือเปล่า?

คำตอบคือไม่รู้ แต่สิ่งที่รู้คือ เราไม่ควรเอาฐานะที่มีมาตีตราว่าสิ่งที่เห็นจะกลายเป็นความดีหรือความเลว เพราะมันอาจจะไม่ยุติธรรมสักเท่าไร

สุดท้ายแล้วต่อให้ไม่มีใครรู้ว่าเราทำผิดหรือถูกต้อง
แต่เรานั่นแหละที่รู้อยู่แก่ใจว่าเรากำลังทำอะไรอยู่